ไทยแลนด์ พีจีเอทัวร์ 2025 เติมแมตซ์เพลย์ใน 23 รายการ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 35 ล้านบาท ตั้งเป้าสร้างแมตซ์ พัฒนาโปร ต่อยอดอาชีพ
นายพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงโปรแกรมการแข่งขันของสมาคมฯ ในฤดูกาล 2025 นี้ว่า “สมาคมฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาวงการกอล์ฟอาชีพของไทยแบบเข้มข้น ทั้งในด้านการสร้างแมตซ์การแข่งขันที่เป็นมาตรฐาน และมีเงินรางวัลเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของโปรกอล์ฟให้สามารถเติบโตในการสร้างรายได้ ต่อยอดในระดับที่สูงขึ้น ในปีนี้เรามีแมตซ์การแข่งขัน 23 แมตซ์ เงินรางวัลรวมกว่า 35 ล้านบาท โดยจะมีการจัดในรูปแบบแมตซ์เพลย์เป็นครั้งแรก ที่วอเตอร์มิลล์ในเดือนมิถุนายน ซึ่งการแข่งขันในรูปแบบแมตซ์เพลย์ เป็นรูปแบบการแข่งขันที่สนุกเร้าใจ เชื่อว่าจะเป็นอีกรูปแบบการแข่งขันที่มีความสนุกสนาน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานักกอล์ฟ”
นายกสมาคมกอล์ฟอาชีพยังกล่าวถึงการวางรากฐานการพัฒนากอล์ฟอาชีพไทยว่า “นอกเหนือจากเรื่องแมตซ์การแข่งขัน สมาคมฯ ยังเตรียมเรื่องการพัฒนาผู้ฝึกสอนกีฬากอล์ฟอาชีพ หรือ GI (Golf Instructor) ให้เป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ มีความมั่นคงและยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ ทั้งในระดับเยาวชน และนักกอล์ฟทั่วไปได้ โดยเฉพาะการนำวิทยากรกอล์ฟต่างชาติที่ได้รับการยอมรับ มาเพิ่มเติมทักษะ ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ฝึกสอนของไทย”
ในส่วนของทัวร์หลัก ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ เรามีทั้งหมด 8 รายการแข่งแบบสโตรกเพลย์ ปรับการแข่งขันจากเดิม 3 วัน กลับมาเป็น 4 วัน 72 หลุมทุกรายการ ตามมาตรฐานของการแข่งขันกอล์ฟอาชีพในระดับสากล ตอนนี้เปิดฤดูกาลไปแล้วในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่ กบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี และจะไปปิดซีซั่นที่ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ขณะที่รายการระดับ ไทยแลนด์ ดีเวลล็อปเมนต์ทัวร์ หรือ ทีดีที ที่เปิดโอกาสให้กับนักกอล์ฟอาชีพรุ่นใหม่ได้เริ่มเข้าสู่เวทีการแข่งขัน มีโปรแกรมการแข่งขันในฤดูกาลนี้ 8 รายการ ชิงเงินรางวัลรวม 8 ล้านบาท ส่วนการแข่งขัน ไทยแลนด์ แชมเปียนส์ทัวร์ สำหรับนักกอล์ฟอาชีพอาวุโสที่อายุ 50 ปีขึ้นไปอีก 7 รายการ ชิงเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 7.5 ล้านบาท
โปรแกรมต่อไปของสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการแข่งขัน “สิงห์-เอสเอที ฉะเชิงเทรา แชมเปียนชิพ” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 7-10 พ.ค.นี้ ที่ โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท จ.ฉะเชิงเทรา
นายกสมาคมกอล์ฟอาชีพยังกล่าวถึงการวางรากฐานการพัฒนากอล์ฟอาชีพไทยว่า “นอกเหนือจากเรื่องแมตซ์การแข่งขัน สมาคมฯ ยังเตรียมเรื่องการพัฒนาผู้ฝึกสอนกีฬากอล์ฟอาชีพ หรือ GI (Golf Instructor) ให้เป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ มีความมั่นคงและยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ ทั้งในระดับเยาวชน และนักกอล์ฟทั่วไปได้ โดยเฉพาะการนำวิทยากรกอล์ฟต่างชาติที่ได้รับการยอมรับ มาเพิ่มเติมทักษะ ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ฝึกสอนของไทย”
ในส่วนของทัวร์หลัก ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ เรามีทั้งหมด 8 รายการแข่งแบบสโตรกเพลย์ ปรับการแข่งขันจากเดิม 3 วัน กลับมาเป็น 4 วัน 72 หลุมทุกรายการ ตามมาตรฐานของการแข่งขันกอล์ฟอาชีพในระดับสากล ตอนนี้เปิดฤดูกาลไปแล้วในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่ กบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี และจะไปปิดซีซั่นที่ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ขณะที่รายการระดับ ไทยแลนด์ ดีเวลล็อปเมนต์ทัวร์ หรือ ทีดีที ที่เปิดโอกาสให้กับนักกอล์ฟอาชีพรุ่นใหม่ได้เริ่มเข้าสู่เวทีการแข่งขัน มีโปรแกรมการแข่งขันในฤดูกาลนี้ 8 รายการ ชิงเงินรางวัลรวม 8 ล้านบาท ส่วนการแข่งขัน ไทยแลนด์ แชมเปียนส์ทัวร์ สำหรับนักกอล์ฟอาชีพอาวุโสที่อายุ 50 ปีขึ้นไปอีก 7 รายการ ชิงเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 7.5 ล้านบาท
โปรแกรมต่อไปของสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการแข่งขัน “สิงห์-เอสเอที ฉะเชิงเทรา แชมเปียนชิพ” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 7-10 พ.ค.นี้ ที่ โลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท จ.ฉะเชิงเทรา