ดี...แต่ยังดีไม่พอ



 
        เออร์นีย์ เอลส์ แชมป์ ดิ โอเพน คนล่าสุดได้กล่าวถึง อดัม สกอตต์ ด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ว่า "น่าสงสารเขาเหลือเกิน..แต่ต้องมีสักวันหนึ่ง เพราะเขาเก่งเกินกว่าที่จะไม่ชนะ" เพราะสกอตต์โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ต้นรายการ  แต่กลับตกม้าตายใน 3 หลุมสุดท้าย ทำให้พลาดแชมป์เมเจอร์ที่จะเป็นรายการแรกในชีวิตของเขาไปอย่างน่าเสียดาย เหตุการณ์คล้ายกับเมื่อปีที่แล้วที่รอรีย์ แม็คอิลรอย พลาดแชมป์ที่สนามออกัสต้าเช่นกัน


        คำถามมีอยู่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับสกอตต์ทั้งๆที่นำอยู่ 4 แต้ม และเหลือเพียงแค่ 4 หลุม คำตอบที่น่าจะฟังแล้วดูมีเหตุผลมากที่สุดนั่นคือ การรับมือกับแรงกดดัน ซึ่งในวินาทีที่เขารู้ตัวแล้วว่าใกล้จะได้เป็นแชมป์ ความกดดันย่อมมีมากขึ้นเป็นธรรมดา ร่างกายก็หลั่งสารอะดรินาลีนมากขึ้น ทำให้หัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดมากขึ้น พละกำลังจะมีมากขึ้นกว่าเดิม จะเห็นได้ชัดเวลาที่คนเราโกรธหรือตกใจ แต่กับกรณีของสกอตต์กลับไม่พบความกดดันอยู่บนใบหน้าของเขา ถึงแม้จะเห็นความผิดหวังจากการพัตต์เพื่อเซฟพาร์ไม่ลง แต่กับโปรกอล์ฟที่ควบคุมอาการไม่อยู่ก็มีให้เห็นเกลื่อนไป หรือจะเป็นประเภทที่อยากสู้ แต่ก็ฮึดมากเกินไปจนกลายเป็นพลาดในที่สุด
การรักษาอาการกดดันจึงไม่สามารถรักษาได้ด้วยยา แต่ก็สามารถบรรเทาได้ด้วยตนเอง เช่นการทำสมาธิ ฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง หรือจะหาคนมาช่วยฝึกก็ได้ ดังเช่นการฝึกสมาธิของ ไทเกอร์ วูดส์ โดยคุณพ่อของไทเกอร์จะทำการรบกวนสมาธิทุกอย่างยกเว้นการสัมผัสร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าโปรกอล์ฟหลายคนมี Mental Coach เพื่อฝึกสภาพจิตใจ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวคิดระหว่างการแข่งขัน


        ไม่มีนักกอล์ฟคนไหนที่ชอบอยู่ภายใต้ความกดดัน แต่กับคนที่ผ่านความกดดันมามากแล้วก็มักจะมีบทสรุปที่ว่า “เอาชนะเขาไม่ได้” เพราะเขาเจอมาตลอด เจอมาเรื่อยๆ และในความกดดันบางทีก็อาจจะมีความรุนแรงมาก คนที่ได้เปรียบคือผู้ที่สามารถอยู่ร่วมกับความกดดันได้อย่างดี และจากกรณีของ อดัม สกอตต์ จะเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้เขาต้องยกระดับความสามารถให้ดียิ่งกว่าเดิม

โดย วันปีย์ สัจจมาร์ค
No comments yet
ความคิดเห็น

คุณอาจชอบ

^