5 เหตุผลที่ไทเกอร์ วูดส์ ไม่ผ่านการตัดตัว The Open
1.ไทเกอร์ ใช้เวลากับครอบครัวมากเป็นอันดับหนึ่ง
ไทเกอร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายครั้งว่าการทำหน้าที่พ่อเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในปัจจุบัน การใช้เวลาร่วมกับ Sam ลูกสาววัย 12 ปี ผู้เล่นในทีมฟุตบอลหญิงของโรงเรียน และ Charlie ลูกชายวัย 10 ปีที่เราเห็นสวมเสื้อแดงกางเกงดำเหมือนพ่อในรายการ The Masters เป็นสิ่งที่ไทเกอร์จัดสรรเวลาให้เป็นส่วนใหญ่ แตกต่างจากเหมือนกันที่เขาใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ในสนามกอล์ฟ เพื่อเป็นนักกอล์ฟที่สุดของที่สุด (Better than most) แม้วาไทเกอร์จะยังคงฝึกซ้อมและมีตารางในการเข้ายิมเพิ่มความฟิตแก่ร่างกายอย่างหนักทุกวัน แต่ก็ปฏิเสธมิได้ว่าความกระหายที่จะพิสูจน์ตนเองของเขานั้นได้ลดลงไปมากแล้ว เห็นได้จากการพาครอบครัวมาเที่ยวที่เมืองไทยจำนวนสองสัปดาห์หลัง US Open โดยไม่ได้จับไม้กอล์ฟเลย และมีเวลาในการเตรียมตัวเพื่อเล่น The Open ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับนักกอล์ฟคนอื่น ๆ ที่ลงแข่งขันเพื่อวอร์มอัพเกือบทุกสัปดาห์
2.ไทเกอร์ วางแผนการเล่นเพื่อถนอมสภาพร่างกาย
ปี 2019 เป็นฤดูกาลที่เราเห็นไทเกอร์เล่นกอล์ฟน้อยมาก โดยตั้งแต่เริ่มฤดูกาลมา ไทเกอร์ลงแข่งขันไปเพียงแค่ 10 รายการเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เนื่องจากไทเกอร์ให้สัมภาษณ์ว่าสภาพร่างกายของเขาในปัจจุบันนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การที่ต้องผ่านการผ่าตัดหลายครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมาทำให้วงสวิงของเขามีข้อจำกัด ตลอดจนอายุอานามที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เขาจำเป็นต้องแข่งน้อยลงเพื่อรักษา ‘ความสด’ ของร่างกายให้พร้อมสำหรับการแข่งขันที่สำคัญสำหรับเขาจริง ๆ อย่างรายการเมเจอร์หรือ Ryder Cup/President Cup จึงนับว่าเป็น New Normal ที่เราจะเห็นไทเกอร์แข่งขันน้อยลงเรื่อย ๆ ในอนาคต เพราะเป้าหมายของเขาคือการยื้ออายุของวงสวิงในแฟร์เวย์ชีวิตไปได้ให้นานที่สุดเท่าที่สังขารจะเอื้ออำนวย ชัยชนะในรายการ The Masters ปีนี้จึงนับว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่เมื่อปีก่อนเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ เพราะก่อนการผ่าตัดใหญ่ครั้งล่าสุดของเขา Notah Begay III เพื่อนรักของไทเกอร์บอกสื่อมวลชนว่าไทเกอร์ไม่สามารถแม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำด้วยตนเองด้วยซ้ำ การกลับมาเดินบนแฟร์เวย์ให้เราเห็นอีกครั้งจึงนับว่าเป็นความโชคดีของนักกอล์ฟเยาวชนเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่ยังมีโอกาสได้เห็น ‘ตำนาน’ ลงแข่งขันและยังมีโอกาสเอาชนะนักกอล์ฟหนุ่ม ๆ รุ่นใหม่อยู่ในปัจจุบัน
3.ไทเกอร์ ทำเป้าหมายในปี 2019 สำเร็จแล้ว
เชื่อว่าภาพชัยชนะของพญาเสือที่รายการ The Masters และการกลับมาสวมกรีนแจ็คเกตอีกครั้งยังติดตาแฟนกอล์ฟหลายคน Golfistathai เชื่อว่าการกลับมาคว้าแชมป์เมเจอร์รายการที่ 15 ของไทเกอร์จะได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวของการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์กีฬา เมื่อเทียบระยะห่างมากกว่า 11 ปี นับตั้งแต่ไทเกอร์คว้าแชมป์ US Open ที่สนาม Torrey Pines ด้วยขาข้างเดียวในปี 2008 ก่อนที่จะต้องพานพบกับมรสุมชีวิตมากมาย ทั้งการเลิกรากับภริยา ข่าวชู้สาว อาการบาดเจ็บ และปัญหาชีวิตอื่น ๆ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากความปั่นป่วนในแฟร์เวย์ชีวิตของไทเกอร์ จึงกล่าวได้ว่าการผ่าตัดครั้งล่าสุดที่เปี่ยมไปด้วยความเสี่ยงและเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของไทเกอร์ เพราะหากการผ่าตัดไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพียงแค่เล่นกอล์ฟไม่ได้เท่านั้น แต่ไทเกอร์อาจจะไม่สามารถกลับมาเดินได้เลยด้วยซ้ำ กระทั่งไทเกอร์สามารถกลับมาสวิงได้อีกครั้ง แต่ก็แทบเริ่มจากศูนย์ เพราะห่างจากการจับไม้กอล์ฟไปเป็นปี มีเพียงความรู้สึกเก่า ๆ และความมั่นใจในอดีตเท่านั้นที่ขับเคลื่อนให้ไทเกอร์สร้างฟอร์มที่กลับมาลงแข่งขันกับนักกอล์ฟหนุ่ม ๆ ได้ จนคว้าแชมป์แรกในรอบหลายปีใน The Tour Championship 2018 และสร้างโมเมนตั้มกลับมาชนะกรีนแจคเก็ตตัวที่ 5 ได้ในเดือนเมษายน ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายเดียวของไทเกอร์ในฤดูกาล 2019 คือการกลับมาทำผลงานได้ดีในรายการเมเจอร์อีกครั้ง และเขาก็ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ด้วยการคว้าแชมป์ไปได้ใน The Masters ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สุดแสนวิเศษที่สุดที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งในชีวิตเขา คือ การคว้าแชมป์เมเจอร์ให้ลูก ๆ เห็นกับตาตนเอง สิ่งที่เหลือในฤดูกาลนี้ก็คือกำไร เราจึงเห็นเขาค่อนข้างสบาย ๆ กับการแข่งขันในสามเมเจอร์ที่เหลือ ไม่ใช่ว่าไทเกอร์ขาดความกระหายที่จะคว้าแชมป์ เพียงแต่เขาผ่อนคลายมากขึ้น และสามารถนับฤดูกาล 2019 ว่าเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของเขาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว
4.ไทเกอร์ มีปัญหากับสภาพอากาศที่รุนแรง
หนึ่งในเสน่ห์ของการเล่นในสนาม Links Course ก็คือความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ บางวันหากคลื่นลมสงบ สนามกอล์ฟก็จะเต็มไปด้วยโอกาสในการทำเบอร์ดี้ทันที แต่เมื่อใดที่ลมแรง ฝนตก หรืออากาศหนาวเย็น เมื่อนั้นมันจะกลายเป็นนรกบนดินเลยในทันใด ไทเกอร์ ออกรอบวันแรกด้วยการทำพาร์ติดกันสี่หลุมแรก ก่อนที่อาการจะออกในหลุมที่ 5 เมื่อสภาพอากาศในสนาม Royal Portrush มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พายุฝนเข้ามามีส่วนในการเล่นมาก และเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ฝนที่ตกลงมา ลมที่พัดกระหน้ำ และความหนาวเย็นที่ส่งผลโดยตรงที่หลังของไทเกอร์ก็ทำให้สกอร์ของเขาปลิวออกทะเลไปอย่างง่ายดาย จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ไทเกอร์ในวัย 43 ปีจะสะดวกใจในการเล่นกอล์ฟในสภาพสนามที่คุ้นเคยมากกว่า ดังที่เขาให้สัมภาษณ์หลังจากการเล่นจบรอบที่สองใน The Open Championship ว่า ‘ผมอยากกลับบ้าน’ (I want to go home)
5.ไทเกอร์ สวมหมวกหลายใบในปี 2019
ไทเกอร์ วูดส์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักกอล์ฟเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังเป็นเจ้าของภัตตาคาร The Woods Jupiter ในฟลอริด้าที่แฟนสาวคนล่าสุด Erica Herman เป็นผู้จัดการ นอกจากนั้น ยังมีงานออกแบบสนามอีกหลายแห่งที่ไทเกอร์ต้องเดินทางไปสำรวจความพร้อมในการสร้าง Layout ให้เป็นไปตามแบบที่เขาต้องการ และยังรวมถึงบทบาทในฐานะกัปตันทีมสหรัฐฯ ในการแข่งขันกอล์ฟประเภททีม President Cup ที่จะกลับไปแข่งที่ประเทศออสเตรเลียอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยเขาจะต้องพาลูกทีมปะทะกับทีมรวมดาราโลกที่นำโดย Ernie Els คู่แข่งรายสำคัญที่เคยดวลกันตัวต่อตัวแบบดุเดือดในการเพลย์ออฟปี 2003 ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่มีการครองถ้วยร่วมกัน ซึ่งคิวงานที่แน่นและการสวมหมวกหลายใบของไทเกอร์ในฤดูกาลนี้และในอนาคตทำให้เขามีเวลาโฟกัสกับการฝึกซ้อมและเกมการเล่นน้อยลง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกมของไทเกอร์ขาด ‘ความคม’ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการแข่งขันกอล์ฟระดับรายการเมเจอร์ซึ่งต้องใช้อะไรมากกว่าความคุ้นเคยในสนามอย่างที่ไทเกอร์ได้เปรียบคู่แข่งในการแข่งขัน The Masters ที่สนาม Augusta National ที่เขารู้จักแทบทุกซอกทุกมุม และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ไทเกอร์ วูดส์ ไม่ผ่านการตัดตัวในรายการ The Open Championship ปีนี้ ซึ่งความผิดหวังที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เราเห็นการปรับเปลี่ยนตารางการเล่นของไทเกอร์ในฤดูกาล 2020 ก็เป็นได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
ประวัติ จีน อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสมัครเล่น หมายเลข 1 ของโลก
5 เหตุผลที่ ‘จีน’ อาฒยา ฐิติกุล จะเป็นนักกอล์ฟไทยหมายเลข 1 ของโลกคนต่อไป
15 สนามกอล์ฟราคาถูกที่สุดในประเทศไทย
7 สนามกอล์ฟที่ได้ชื่อว่าผีดุที่สุดในโลก
5 ร้านไม้กอล์ฟมือสองลดราคาในกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น
5 ร้านไม้กอล์ฟมือสองราคาถูกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
คลิกเพื่ออ่านต่อ
https://golfistathai.com/
กอล์ฟลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ
1
คนนี้น่าจะเป็นคนเดียวที่ได้ยินชื่อตั้งแต่เด็ก ๆ สู้ต่อไปครับ
2